ภาวะผู้นำกับการทำงานเป็นทีม
ผู้นำ (Leader) หมายถึง
บุคคลที่ได้รับการยอมรับและยกย่องจากบุคคลอื่น หมายถึง
บุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา หรือ
ได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้าในการดำเนินงานต่าง ๆ
ผู้นำ (Leader) คือ ผู้ที่มีศิลปะที่สามารถมีอิทธิพลเหนือผู้อื่น
นำบุคคลเหล่านั้นไปโดยได้รับความไว้วางใจและเชื่อใจอย่างเต็มที่อีกทั้งยังได้รับความเคารพนับถือ
ความร่วมมือและความมั่นใจจากผู้บังคับบัญชาอย่างจริงจัง และคุณสมบัติของผู้นำ คือการจะเป็นผู้นำ
นักทฤษฎีบางท่านได้ให้ความเห็นว่า
เป็นบุคลิกลักษณะเด่นบางคนมีมาแต่กำเนิดจะศึกษาเล่าเรียนไม่ได้
หรือสอนกันไม่ได้ ดังเช่น
มหาบุรุษของโลก เช่น นโปเลียน อับราฮัม ลินคอร์น พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นต้น
ท่านเหล่านี้มีบุคลิกลักษณะเด่นเป็นพิเศษกว่าบุคคลธรรมดาและนานนับร้อย ๆ ปี
จึงจะพบสัก แต่การเป็นผู้นำในลักษณะการบริหารนั้นอาจจะศึกษาหรือฝึกฝนให้มีขึ้นมาได้
โดยอาศัยผู้ที่ได้ศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลชั้นนำของโลก
ได้รวบรวมเป็นวิชาหลักขึ้น สรุปคุณสมบัติของผู้นำที่จะเป็นผู้นำที่ดีไว้ได้ ดังนี้
ภาวะผู้นำในการทำงานเป็นทีม
ผู้นำที่ดีควรจะใช้
ทฤษฎีความร่วมมือ (Cooperation Theory) ที่เน้นในการสนับสนุนสมาชิกของทีมให้ปฏิบัติต่อกันเสมือนเพื่อนร่วมงานไม่ใช่คู่แข่ง
โดยพยายามเน้นคำว่า “เพื่อนร่วมทีม”
และลดการใช้คำว่า “ลูกน้อง” หรือ “พนักงาน” เพื่อลดความแตกต่าง สร้างบรรยากาศที่ดี
ผู้นำควรมีบทบาทในการสร้างความเชื่อถือ และสร้างแรงจูงใจให้แก่ทีมงาน
สามารถสรุปบทบาทของผู้นำทีมที่ดีได้ดังนี้
1.
แสดงถึงความเป็นผู้นำทีมที่ดี มีความอดทน ตั้งใจจริง
ไม่หงุดหงิดในความล่าช้าของผู้ร่วมทีม
พร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำทำให้สมาชิกทีมเกิดความสบายใจในการร่วมงาน เพื่อสร้างพลังการทำงานของทีม
2.
อำนวยความสะดวกให้กับการทำงานเป็นทีม มีการจัดรูปแบบโครงสร้างการประสานงานที่ดี
สนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างมาตรฐานการทำงาน สร้างบรรยากาศ
การทำงานและในการประชุมแบบเป็นกันเอง เพื่อลดความตึงเครียดในการทำงานและการมีส่วนร่วม
( บรรยากาศแบบไม่เป็นทางการ
จะก่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแบบเป็นทางการ)
3.
สร้างการติดต่อสื่อสารภายในทีมที่ชัดเจน
ก่อให้เกิดความเข้าใจนำไปสู่สัมพันธภาพที่ดีและมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
ในบางครั้งผู้นำทีมอาจจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานสังสรรค์
หรืองานวันเกิดของสมาชิกทีม เพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีภายในทีมงาน
4.
สร้างแรงจูงใจให้กับทีม ผู้นำจะต้องรู้ถึงเทคนิคการจูงใจสมาชิก
เข้าใจในพฤติกรรมบุคคลและตอบสนองความต้องการของทีม
5.
สร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีม ทำให้สมาชิกทีมรู้สึก “เป็นเจ้าของทีม” ร่วมกัน มีความมุ่งมั่นในการทำทีมสู่ความสำเร็จ
การทำงานเป็นทีมจะประสบความสำเร็จ
จะต้องมีผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
ดังนั้นผู้นำทีมงานจะต้องสร้างภาวะความเป็นผู้นำให้เกิดขึ้น
และเลือกใช้พฤติกรรมหรือวิธีการที่เหมาะสม
ทั้งนี้โดยอาศัยพื้นฐานความสามารถที่มีอยู่ประกอบกับการพัฒนาฝึกฝนอย่างจริงจังเพื่อให้มีความเป็นผู้นำ(Leadership)
ทักษะของผู้นำทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
เอ็นส์ และเพจ (Ends snd Page อ้างถึงใน
คู่มือเตรียมสอบ, 2551: 86)
ได้เสนอแนะว่าผู้นำทีมงานจะพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ 6 ด้าน ได้แก่
1) ทักษะการสื่อสาร ผู้นำทีมงานต้องสามารถสื่อสารกับสมาชิกของทีมงานได้
ทั้งแบบตัวต่อตัวและกับทีมงานได้อย่างมีคุณภาพ
เพราะการสื่อสารที่ดีของหัวหน้าทีมจะช่วยสร้างความเข้าใจก่อให้เกิดความร่วมมือ
และการประสานงานที่ดีในระหว่างสมาชิกและระหว่างทีมงาน
2) ทักษะการวางแผน ผู้นำทีมงานจะต้องชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์เป้าหมาย
และวิธีการปฏิบัติงาน
สามารถกำหนดกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นมรรคผล
3) ทักษะการจัดองค์การ
ผู้นำทีมงานต้องพิจารณาภารกิจหน้าที่ต่าง ๆ ซึ่งต้อง
ปฏิบัติทั้งหมดแล้วนำมาจัดกลุ่มภารกิจ
หรือหน้าที่ พร้อมทั้งกำหนดบุคคล ขอบเขต
อำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติงานและทรัพยากรสนับสนุนในการปฏิบัติงาน
ตลอดจนกำหนดรูปแบบการติดต่อสื่อสาร และการประสานงาน
4) ทักษะการสอนแนะ ผู้นำทีมงานต้องสอนหรือแนะนำสมาชิก
ทีมงานได้
เรียนรู้วิธีการปฏิบัติอย่างละเอียด
อาจรวมถึงการสาธิตทำให้ดูเป็นตัวอย่าง นอกจากวิธีนี้ยังต้องให้ความช่วยเหลือสมาชิกในการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการทำงาน
เสนอแนะวิธีแก้ปัญหาข้อบกพร่องต่าง ๆ
5) ทักษะการจูงใจ
ผู้นำทีมงานต้องมีความรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความต้องการของ
บุคคล
พฤติกรรมการทำงานที่แตกต่างกัน เพื่อให้ทราบถึงวิธีการและเทคนิคที่ใช้จูงใจ
สมาชิกทีมงานให้สามารถปฏิบัติงานตามเป้าหมายของทีมงานได้
6) ทักษะการเจรจาต่อรอง
ต้องสามารถเจรจาต่อรองกับสมาชิกแต่ละคนใน
ทีมงานเกี่ยวข้องกับงานและบทบาทให้ทุกฝ่ายเข้าใจความคาดหวังที่พึงประสงค์ร่วมกัน
และยังรวมถึงการเจรจากับบุคคลนอกทีมงานในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทักษะทั้ง 6
ด้านเป็นทักษะสำคัญ
ที่ผู้นำทีมงานจำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดขึ้น
สิ่งที่พึงตระหนัก คือ ทักษะเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับทักษะอื่น ๆ อีก เช่น
ทักษะการสื่อสารจะครอบคลุมถึงการฟัง การตีความและการให้ข้อมูลย้อนกลับ เป็นต้น
ฉะนั้นในการพัฒนาทักษะแต่ละด้านต้องดำเนินการอย่างครบวงจรและเป็นระบบ